วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ความสำคัญของอาหารมื้อเช้า

      การไม่กินอาหารเช้า  เป็นเหตุพื้นฐานที่ทำให้เกิดการเจ็บป่วยที่เรามองข้ามไป  คืดว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่เคยปฏิบัติอยู่เป็นประจำไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย
       อาหารมื้อเช้า  เป็นอาหารมื้อที่สำคัญที่สุด ที่ร่างกายต้องการสารอาหารในช่วงเวลา  7.00-9.00 น.  ระหว่างเวลานี้สมองและใบหน้าของคนเราต้องการเลือดและออกซิเจน  เป็นอาหารบำรุงส่งไปเลี้ยงสมอง  ถ้าไม่กินข้าวเช้า  ก็จะไม่มีเลือดมารับออกซิเจน  ส่งขึ้นไปเลี้ยงสมอง  เพราะสมอง
ต้องการกรดอะมิโนไปบำรุงเซลล์สมอง  รวมถึง วิตามินบี 1  บี 6  และบี  12
สาเหตุที่เลือดไปเลี้ยงสมองได้น้อย
      - กระดูกคอข้อที่หนึ่งเคลื่อนไปเบียดทับเส้นประสาท  หรือเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง
      - กินอาหารที่ผัดน้ำมันบ่อยเป็นเวลานาน  แล้วเกิดไขมันเกาะตัวเหนียวสะสมในลำไส้ ก็มีโอกาสที่เลือดไปเลี้ยงสมองได้น้อย เพราะระบบดูดซึมเสีย  และถุงน้ำดีข้น
      - มีพยาธิในลำไส้หรือพยาธิที่ผวหนังก็จะกัดกินเลือดในร่างกาย
      - การไม่กินอาหารเช้าก็เป็นสาเหตุให้เลือดไม่เลี้ยงสมองถ้าเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ  หรือเลือดไปเลี้ยงสมองได้ย  จะเริ่มมีอาการดังต่อไปนี้  เช่น  ผมร่วง  หน้าแก่เร็วย  คออักเสบง่าย  นอนไม่ค่อยหลับ  นอนไม่เต็มอิ่ม  ฝันบ่อย  ปวดไหล่  ตื่นกลางดึกบ่อยๆ ปวดหัวข้างเดียว  ปวดหัวสองข้าง ปวดหู ปวดกระบอกตา เป็นไซนัส  เหงือกบวม เจ็บคอ เจ็บลิ้น  ปวดชายโครง ปวดหลัง ปวดเข่า กระดูกสะโพกจะเคลื่อนได้ง่าย ปวดสะโพก ปวดข้อเท้า หลังเท้า วิตกกังวล
**อาจมีอาการทีละอย่าง หรือหลายอย่างพร้อมกัน**

"สมองส่วนหน้า  สมองส่วนกลาง  สมองส่วนหลัง  อยู่กันคนละส่วน  แต่มีเซลล์ประสาทกลุ่มเดียวที่ควบคุมการไหลเวียนของเลือดทั้งสามส่วน"



เลือดไปเลี้ยงสมองส่วนหน้าได้น้อย
      วันข้างหน้าก็จะมีหินปูนเกาะที่สมองส่วนหน้า  แล้วจะมีอาการนอนไม่ค่อยหลับ  เป็นเหตุให้  ตาเป็นต้อ จอประสาทตาเริ่มเสื่อมปัสสาวะบ่อย  หน้าเป็นฝ้า  หน้าดำ

เลือดไปเลี้ยงสมองส่วนกลางได้น้อย
      จะมีอาการ  ง่วงนอนบ่อย หรือง่วงนอนทั้งวัน  ปวดเมือยเนื้อตัว  ปวดส้นเท้า  ขี้โมโห  ท้องอืด  อาหารไม่ย่อย  ต่อไปวันข้างหน้าความจำจะเสื่อม  เริ่มจำไม่ค่อยได้  แต่ความจำระยะยาว  คือเรื่องเก่าๆๆยังจำได้   ส่วนความจำระยะสั้น  คือเรื่องใหม่ๆในปัจจุบันจะจำไม่ค่อยได้ หลงๆ ลืมๆ พูดวนไปวนมา  ความจำจะเสื่อมลงไปเรื่อยๆ

เลือดไปเลี้ยงสมองส่วนหลังได้น้อย
      จะมีอาการ  แขนขาไม่ค่อยมีแรง  เดินไม่ค่อยไหว  ตอนตื่นนอนบางครั้ง  จะมีอาการแขนขาตายเหมือนผีอำ  ขยับตัวไม่ค่อยได้
     ใบหน้าที่มีริ้วรอยหมองคล้ำ  หรือมีสิวฝ้าบ่อยๆ  ควรที่จะหมั่นขัดหน้าทุกเดือนเพื่อให้ผิวสะอาด  หมดความมันและขาวผุดผ่อง


ของที่ต้องเตรียม
     โยเกิร์ตไม่ผสมผลไม้      1  ถ้วย
     เกลือป่น                          1  ช้อนโต๊ะ


ขั้นตอนการปฏิบัติ
      ล้างใบหน้าให้สะอาด  ซับหน้าให้แห้ง   ผสมเกลือป่นกับโยเกิร์ต  คนๆ ให้เข้ากัน  ใช้ปลายน้ำแตะครีมมาทาชโลมให้ทั่วใบหน้า  เว้นรอบดวงตาและริมฝีปาก  แล้วใช้มือ  ขัดๆ  ถูๆ  ให้ทั่วใบหน้า  โดยเฉพาะหน้าผาก  คางแก้ม  และจมูก
      ขัดสัก  5  นาที  แล้วทิ้งไว้อีก  5  นาที  จึงค่อยล้างออก  ทำทุกเดือน  เดือนละครั้ง  ผิวหน้าจะขาวผ่องและดูชุ่มชื้น

     ผิวหน้าจะเปล่งปลั่งเต่งตึง  ไม่ต้องไปเสียสตางค์  ดึงหน้าให้เสี่ยงต่อใบหน้าพังจนต้องฟ้องร้องให้อับอายเขา  ใช้สูตรสาวไทยโบราณ  ที่แม้ฝรั่งยังโจษจันว่าผิวหญิงไทยช่างผุดผ่องเปล่งปลั่ง



ของที่ต้องเตรียม
     ดินสอพอง        1  ถ้วยน้ำจิ้ม
     มะนาว               1  ซีก


วิธีการปฏิบัติ
      บีบน้ำมะนาวละลายกับดินสอพอง  เคล้าให้ดินสอพองเข้ากันดีกับน้ำมะนาว  แล้วนำมาทาให้ทั่วใบหน้า เหลือเว้นไว้แค่เพียงตรงดวงตา  และริมฝีปาก
      ชโลมทิ้งไว้สัก  3-4 ชั่วโมง  จึงค่อยล้างน้ำออก  ทำเดือนละ  2-3  ครั้ง  ใบหน้าจะเต่งตึง  เกลี้ยงเกลา  ปราศจากสิวฝ้า ริวรอยและจุดด่างดำ


*บางคนอาจจะแพ้ดินสอบพองหรือน้ำมะนาว

วันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2556

   
      เชื่อว่าหลายคนคงประสบปัญหาเหมือนๆกัน คือ รังแคบนหนังศีรษะ  และเส้นผมหลุดร่วงง่าย  ทำให้หลายต่อหลายคนเกิดวิตกกังวลเป็นอย่างมาก  วันนี้เราจะมาแก้ปัญหาเหล่านี้กันโดยใช้มะกรูด และการสระผมอย่างถูกวิธีกัน

วิธีการรักษา

     ใช้มะกรูดประมาณ  4-5 ผล  นำไปย่างไฟอ่อนๆ  แล้วผ่าครึ่งคั้นเอาแต่น้ำใส่ถ้วยไว้
จากนั้นสระผมให้สะอาดด้วยแชมพูสำหรับเด็กหรือแชมพูสูตรอ่อนๆ ที่สระได้ทุกวัน  เวลาสระอย่าใช้เล็บเกาหนังศีรษะเป็นอันขาด

     ซับผมให้หมาดด้วยผ้าขนหนู  แล้วค่อยชโลมน้ำมะกรูดให้ทั่วๆ เส้นผม  นำผลมะกรูดผ่าครึ่งที่เหลือสัก  1-2  ซีกมาถูให้ทั่วหนังศีรษาปล่อยทิ้งไว้สัก 10 นาที  จึงค่อยล้างออกให้สะอาดโดยไม่ต้องสระผมซ้ำ
      ทำเช่นนี้ทุกๆ สัปดาห์  หนังศีรษะจะสะอาด  เส้นผมก็จะแข็งแรงไม่หลุดร่วงง่าย  และไม่หงอกเร็วอีกด้วย

วันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2556


น้ำแตกกวาปั่น

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cucumis sativus Linn.
ชื่อสามัญ : Cucumber
แหล่งปลูก : แตงกวาปลูกได้ทั่วทุกภาคของประเทศไทย
ปรโยชน์สรรพคุณ : แก้อาการเจ็บคอ แก้อาการท้องผูก บรรเทาอาการแสบเคืองตา ป้องกันสิว ผิวหน้าสดใส ผิวหน้าผุดผ่อง บำรุงผิว

สิ่งที่ต้องเตรียม
     แตงกวา                1  ผล
     น้ำผึ้ง                    1  ช้อนชา
     น้ำมะนาว              1  ช้อนชา
     เกลือ                  1/2  ช้อนชา
     น้ำต้มสุก 1/2  แก้ว
      น้ำแข็งบน          1/2  แก้ว

ขั้นตอนและวิธีทำ
น้ำแตกกวาไปล้างให้สะอาด หั่นเป็นแว่นๆ และนำลงใส่ในเครื่องปั่น ไม่ต้องปอกเปลือกนะครับ จากนั้นเติมน้ำที่ต้มสุกแล้ว  น้ำผึ้ง น้ำมะนาว เกลือ  และน้ำแข็งบด  และปั่นให้ละเอียด นำใส่แก้วพร้อมรับประทาน
น้ำเสาวรส


ชื่อวิทยาศาสตร์ :  Passiflora laurifolia  L.
ชื่อสามัญ :  Jamaica honey-suckle, Passion fruit, Yellow granadilla
วงศ์ :  Passifloraceae
ชื่ออื่น : สุคนธรส (ภาคกลาง)
ประโยชน์สรรพคุณ : บำรุงผิว ต้านมะเร็ง ลดไขมันในเส้นเลือด

สิ่งที่ต้องเตรียม
    เสาวรสสุก                 1-2   ผล
    น้ำเชื่อม                        2   ช้อนโต๊ะ
    เกลือ                             1   ช้อนชา
    น้ำต้มสุก                    1-2   แก้ว
    น้ำแข็งบด                   1/2  แก้ว

ขั้นตอนและวิธีทำ
     ล้างเสาวรสให้สะอาดแล้วผ่าครึ่งผล   นำช้อนตักเอาเฉพาะส่วนเนื้อด้านในของเสาวรสมาคั่น  หรือว่าขยำกับน้ำต้มสุก  จากนั้นนำมากรอง  นำน้ำเสาวรสที่ได้จากการกรองมาผสมกับน้ำเชื่อม เกลือ และน้ำแข็งบด  เป็นอันเสร็จ

วันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2556

อาหารผัดน้ำมัน
...............................................................................
      ดูจากก้นกระทะและรอบๆ เตาแก๊ส หรือท่อน้ำทิ้งที่ล้างจานจะมีคราบเหนียวของน้ำมันเกาะอยู่  เราก็ล้างมันออกได้  แล้วถ้ากินอาหารผัดน้ำมันเป็นประจำ น้ำมันที่เข้าไปโดนอุณหภูมิของร่างกายที่  37 องศาตลอดเวลา  น้ำมันจะเหนียวเป็นกาวยึดเกาะที่ผนังลำใส้เป็นเวลานานเข้า  ก็จะหนาตัวขึ้นไปขวางระบบดูดซึม  ระบบดูดซึมของร่างกายจะเสีย แล้วเราจะส่งอะไรเข้าไปล้างมันได้


ระบบดูดซึมเสีย
     เมื่อระบบดูดซึมเสีย  สำใส้จะดูดซึมสารอาหารที่เป็นประโยชน์ไปสร้างเม็ดเลือดไม่ได้  กินยา หรือวิตามินก็ไม่ดูซึม  เพราะผ่านชั้นไขมันที่ผนังลำไส้ไปไม่ได้  หรือผ่านไปได้น้อย  ต่างกับการให้น้ำเกลือโดยการฉีดเข้าเส้นเลือด  โดยไม่ต้องผ่านระบบดูดซึม  แต่ใครจะให้น้ำเกลือได้ทุกวัน   คงไม่มี
     เมื่อระบบดูดซึมไม่ได้  พวกสารอาหาร  และโปรตีน  จะถูกส่งไปให้ไตขับทิ้ง  ไตก็ต้องทำงานหนัก  และอ่อนล้าเป็นธรรมดา  ผลที่ตามมา  คือความเจ็บป่วย  การเกิดโรคต่างๆ
     ทุกคนที่เคยกินอาหารผัดน้ำมัน  หรือของที่ทอดน้ำมันบ่อยๆหรือทุกวัน  ควรจะต้องล้างลำไส้เพื่อให้ระบบดูดซึมทำงานได้ดีขึ้น
ขมิ้นชัน
      ขมิ้น (ภาษาอังกฤษ: Turmeric) เป็นสมุนไพรพืชล้มลุกในวงศ์ขิง มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีเหง้าอยู่ใต้ดิน เนื้อในของเหง้าเป็นสีเหลือง มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว มีสีเหลืองเข้ม จนสีแสดจัด มีชื่อสามัญอื่นอีกคือ ขมิ้นแกง (เชียงใหม่) ขมิ้นชัน (กลาง,ใต้) ขมิ้นหยอก (เชียงใหม่) ขมิ้นหัว (เชียงใหม่) ขี้มิ้น (ตรัง,ใต้) ตายอ (กะเหรี่ยง กำแพงเพชร) สะยอ (กะเหรี่ยง แม่ฮ่องสอน) และ หมิ้น (ตรัง,ใต้)
      ส่วนของเหง้าขมิ้นชัน  นำมากินโดยการปอกเปลือกก่อนกิน  หรือตากแห้งแล้วบดเป็นผงใช้ประกอบอาหารได้หลายอย่าง  และแบบผงบรรจุแคปซูลเพื่อสะดวกแก่การกิน



      ขมิ้นชันมีประโยชน์ และสรรพคุณ หลายประการดังนี้
ขมิ้นชันมีวิตามิน  เอ,  ซี,  อี,  ที่เข้าสู่ร่างกายแล้วจะทำงานพร้อมกันทั้ง  3 ตัวจึงมีผลทำให้
     - ช่วยลดไขมันในตับ
     - สมานแปลภายในกระเพาะอาหาร
     - ช่วยย่อยอาหาร
     - ทำความสะอาดให้ลำไส้
     - เปลี่ยนไขมันให้เป็นกล้ามเนื้อ
     - ต้านอนุมูลอสระป้องกันการเกิดมะเร็งตับ
     - สร้างภูมิคุ้มกันให้กับผิวหนัง
     - กำจัดเชื้อราที่ปนเปื้อนในอาหารที่กินเข้าไปแล้วสะสมในร่างกายเตรียมก่อตัวเป็นเซลล์มะเร็ง
     - ช่วยขัยน้ำนมสำหรับสตรีหลังการคลอดบุตรได้ดี  รองมาจากการกินหัวปลี

แตงกวา ถุงชา น้ำแข็งก้อน
     
    
      แตงกวาจะมีวิตามินสูง ในผลแตงกวายังมีเอ็นไซม์ cryssin ซึ่งช่วยย่อยโปรตีนได้ เอ็นไซม์ชนิดนี้ จะช่วยย่อยผิวหนังที่หยาบกร้าน ให้หลุดออกไป เพื่อให้ผิวใหม่ที่อ่อนนุ่ม เกิดขึ้นมาแทนที่ บางคนใช้แตงกวาสด ผ่าเป็นชิ้นบางๆ วางบนใบหน้าที่ล้างสะอาด แทนน้ำแตงกวา ปัจจุบัน มีน้ำแตงกวาผสมในเครื่องสำอาง เช่น ครีมล้างหน้า ครีมทาตัว เพื่อช้วยให้ผิวไม่หยาบกร้าน และช่วยสมานผิว แตงกวาเป็นสมุนไพร ที่หาง่าย มีประโยชน์ ราคาถูก ใช้ติดต่อกับเป็นประจำ จะทำให้สวนสดชื่น มีน้ำมีนวล

วิธีการรักษา
     นำแตงกวาไปล้างน้ำให้สะอาด  ฝานแตงกวาเป็นชิ้นบางๆ โปะลงบนเปลือกตาแล้วนอนพักสายตาสัก 15-20  นาที  รอยคล้ำ  หรือบวมแดงจะหายไปได้อย่างทันอกทันใจ
      แต่ถ้าหากไม่มีแตงกวา ให้ใช้ถุงชาที่ชงแล้ว  วางโปะลงไปบนเปลือกตาก็ได้  หรือถ้าไม่มีทั้งถุงชาและแตงกวาติดบ้านเลย  ให้นำก้อนน้ำแข็งมาห่อผ้าขนหนู แล้ววางประคบบนเปลือกตาก็จะสามารถบรรเทาได้เช่นกัน
Share