วันอังคารที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

สิ่งที่ควรปฎิบัติ
     หลีกเลี่ยงว ความวิตกกังวล เรื่องตื่นเต้น จากการฟังข่าว หรือหนังทีวีที่เร้าใจน่าหวาดกลัว และการทำอะไรรีบเร่ง ลูกในท้องจะได้รับกรรมพันธุ์ทางด้านความคิดติดตัวมาด้วย

วิธีดูแล
     งดอาหารผัดน้ำมัน
     ไม่วิตกกังวล ไม่ตื่นเต้นง่าย

หลังคลอด
     กินกระเจี๊ยบเขียวหรือว่านหางจระเข้ เพื่อสมานแผลภายใน
     กินขมิ้นชันเป็นประจำ ช่วยขับน้ำนม และสมานแผลภายใน
     กินน้ำกระชาย เพื่อขับน้ำคาวปลา
เมื่อให้นมลูกแม่ก็ควรกินขมิ้นชันด้วย ขมิ้นชันก็จะส่งไปถึงลูกที่กินนมแม่ ไปบำรุงโดยมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ มีวิตามิน เอ ซี อี ช่วยให้กระเพาะแข็งแรง ลำไส้ใหญ่แข็งแรง ขับถายดี ระบบย่อยดี ท้องไม่ผูก ผิวพรรณดี เด็กจะอารมณ์ดี ฉลาดไปจนโต เมื่อเด็กเลิกกินนมแม่แล้ว เอาขมิ้นชันชงกับนมให้ลูกกินก็ได้

วันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ประโยชน์
     บำรุงผิว บำรุงสุขภาพเหงือก บรรเทาอาการไอ เจ็บคอ แก้หวัด แก้คลื่นไส้วิงเวียน ต้านมะเร็ง

สิ่งที่ต้องเตรียม
มะนาว        2  ผล
เกลือ       1-2 ช้อนชา
น้ำตาล        2  ช้อนโต๊ะ
น้ำ           5-6  แก้ว

ขั้นตอนและวิธีการทำ
เลือกมะนาวที่ใกล้จะเป็นสีเหลืองแล้ว  นำไปล้างให้สะอาด  ฝานเป็นแว่นบางๆ ใส่หม้อ  เติมน้ำสะอาด  5-6  แก้ว  ต้มจนเดือด
       เติมน้ำตาลและเกลือ  ต้มต่อไปอีกประมาณ  8-10  นาทีก็ยกลง  จิบอุ่นๆ ได้ตลอดวัน
(แต่ควรดื่มสัปดาห์ละ 2 ครั้งเท่านั้นในช่วงลดน้ำหนัก)

วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

     น้ำมะนาวเพื่อสุขภาพ ประโยชน์ของมะนาวนั้นมีมากมาย อธิเช่น  บำรุงผิว บำรุงสุขภาพเหงือก  บรรเทาอาการไอ เจ็บคอ แก้หวัด แก้คลื่นไส้วินเวียน ต้านมะเร็ง เป็นต้น

สิ่งที่ต้องเตรียม
     มะนาว      3-4  ผล
     น้ำผึ้ง           1  ช้อนโต๊ะ
     เกลือ            1  ช้อนชา
     น้ำต้มสุก      1  แก้ว


ขั้นตอนและวิธีการทำ
     หั่นมะนาวเป็นซีกๆ บีบเอาน้ำมะนาวใส่ถ้วย เติมน้ำผึ้งและเกลือ เติมน้ำต้มสุก ผสมให้เข้ากัน หรือจะปั่นกับน้ำแข็งหรือใส่แก้วนำไปแช่ตู้เย็นก็ได้
     หรือนำน้ำมะนาวผสมกับน้ำร้อนครึ่งถ้วย จิบอุ่นๆ แบบน้ำชา

วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

     น้ำตะไคร้ภายในตะไคร้ จะมีน้ำมันหอมระเหย “ไซตรอล” ที่สามารถดับความคาว ได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญ
     สรรพคุณของน้ำตะไคร้ สามารถ รักษาโรคต่างๆ เช่น ช่วยแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียด แน่นท้อง บำรุงธาตุและคุณสมบัติ อีกอย่างหนึ่งของตะไคร้ ก็คือ เป็นสมุนไพร ที่ช่วยในการขับพิษ ขับเหงื่อ และช่วยขับปัสสาวะ ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

สิ่งที่ต้องเตรียม
     ตะไคร้             4-5  ต้น
     น้ำตาล            1/2  ถ้วย
     น้ำ                   1/2  หม้อ

ขั้นตอนและวิธีการทำ
     ลอกเปลือกตะไคร้  ล้างน้ำให้สะอาดแล้วหั่นเป็นท่อนๆ  โขลกหรือทุบให้แหลก
     ต้มน้ำครึ่งหม้อ  ใส่ตะไคร้ลงต้มจนเดือด  ยกหม้อลงกรองเอาแต่น้ำ  เติมน้ำตาลแล้วต้มอีกครั้ง  พอเดือดก็ยกลงได้

วันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ประโยชน์ของน้ำสมอนั้นมีมากมายอธิ
      เช่น
          - เป็นยาระบาย
          - บำรุงหัวใจ
          - แก้ท้องเดิน
          - แก้จุกเสียด
          - ช่วยขับน้ำเหลืองเสีย

สิ่งที่ต้องเตรียม
          สมอไทย  1  ถ้วย
          น้ำเชื่อม   2  ช้อนโต๊ะ
          น้ำต้มสุก  1-2  แก้ว
          เกลือ   1  ช้อนชา
          น้ำแข็งบด  1/2  แก้ว

ขั้นตอนและวิธีการทำ
     ล้างสมอไทยให้สะอาดหลายๆ น้ำ  เฉือนเปลือกออกแล้วฝานเนื้อสมอไทยใส่ลงไปในเครื่องปั่น  ปั่นแล้วกรองเอาแต่น้ำ  เติมน้ำต้มสุก  ผสมน้ำเชื่อม  เกลือ  เเละน้ำแข็ง  เวลาเสิร์ฟฝานเนื้อสมอไทยโรยใส่เล็กน้อยก่อนเสิร์ฟ

วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

     การกินของหวานมากทุกๆ วัน  จนเกินความต้องการของร่างกายน้ำที่ร่างกายใช้ไม่หมด  จะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือด  ไปเกาะผนังหลอดเลือด  เกิดเป็นขนเล็กๆ ตามผนังหลอดเลือด
     โดยปกติหลอดเลือดต้องสะอาด  เรียบ  และโล่ง  เลือดจึงไหลเวียนได้ดี  แต่น้ำตาลที่สะสมในเลือดมาก  ทำให้หลอดเลือดไม่ยืดหยุ่น  เมื่อเวลาอากาศเปลี่ยนจะไม่สบาย
คำแนะนำ
- ควรงดกินน้ำตาลมากเกินความต้องการของร่างกาย
- กินน้ำรางจืด  เพื่อล้างน้ำตาลในเลือด
- กินใบมะยมสด  หรือต้มรากเตยกินน้ำ  ก็ช่วยฟื้นฟูตับอ่อน  เมื่อตับอ่อนแข็งแรง  การคุมน้ำตาลจะดีขึ้นเอง

ประโยชน์ของรางจืด
     มีสรรพคุณถอนพิษต่างๆ ได้ อาการแพ้ เช่น ผื่น คัน แก้ไข้ แก้ร้อนใน แก้ท้องร่วง ถอนพิษ เบื่อเมา ใช้ปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนนำไปโรงพยาบาล
          หน้าที่หลักของตับ  คือ ผลิตน้ำดีให้ถุงน้ำดี  ช่วยกรองเลือด  ส่งเลือดดีเข้าสู่ร่างกาย  และส่งเลือดไปที่ไต  ล้างสารพิษ  และตับยังช่วยย่อยอาหารดูแลเส้นผม ขน เล็ ถ้าตับทำงานหนัก  ไตก็มาช่วยทำงาน  เมื่อทำงานหนักตับก็ะเสีย  ไตก็เสื่อม

วิธีล้างสารพิษในตับ
     - กินเห็ดสามอย่างขึ้นไปปรุงอาหาร  (ห้ามผัดน้ำมัน  แต่ใช้กะทิแทนน้ำมันได้ เพราะได้ประโยชน์มากกว่า)
     - กินขมิ้นชันก่อนนอน เพื่อขับไขมันในตับ
     - งดใช้เครื่องสำอางที่มีสารเคมีกับใบหน้า  งดใช้ยาสระผมที่มีสารเคมีกับหนังศีรษะ  เพราะสารเคมีจะเข้าถึงตับได้โดยตรง โดยซึมผ่านเข้าทางเส้นเลือดฝอย
     - ผงชูรส  หรือโมโนโซเดียมกลูตาเมท  จะตกค้างในตับ  ทำร้ายตับโดยตรง  และทำให้เลือดเหนืด
     - ไม่กินอาหารระหว่างเวลา  ตี1-ตี3  เพราะเป็นเวลาที่ตับต้องขับสารพิษ

"ถึงจะบำรุงอะไร......แต่ถ้าสารพิษตกค้างอยู่ในร่างกาย.....ก็ไม่เกิดประโยชน์"
     น้ำกระชายจะช่วยป้องกันไม่ให้เป็นโรคไต  ผู้ชายป้องกันไม่ให้ต่อมลูกหมากโต  ผู้หญิงป้องกันไม่ให้เป็นมดลูกโต  ในน้ำกระชาย  1  แก้ว  มีคุณค่าสูงกว่านม  1  แก้ว  หลายเท่าถ้าให้เด็กกินเป็นประจำ  จะช่วยสร้างกระดูกให้มีโครงสร้างที่แข็งแรงกินคู่กับมะม่วงสุกแล้วปั่นก็ดี

สิ่งที่ต้องเตรียม
     กระชาย   1  ขีด
     น้ำเปล่า   3  แก้ว
     น้ำตาล
     เกลือ

ขั้นตอนและวิธีการทำ
     - นำกระชายมาล้างน้ำเกลือหลายๆ ครั้งให้สะอาด (ไม่ต้องปอกเปลือกออก)
     - หั่นกระชายเป็นแว่นๆ ชิ้นเล็กพอประมาณ เอาใส่ลงไปในเครื่องปั่น แล้วเติมน้ำ 3แก้ว
     - ปั่นให้ให้ละเอียดกรองเอาแต่น้ำ กากกระชายทิ้งไป
     - ใช้เป็นหัวเชื้อเก็บไว้ในตู้เย็นไว้ได้หลายวัน
     - เวลาจะดื่มก็เทใส่แก้วแล้วเติมน้ำสะอาดให้เจือจาง
     - เติมน้ำตาล  เกลือ  ตามใจชอบ
"เปรียบเทียบกระชายคือโสมของไทย  คือราชาแห่งสมุนไพร"

ในน้ำกระชายมีอาหารอยู่  2  กลุ่ม คือ 
     1. กลุ่มละลายในน้ำ
     2. กลุ่มที่ละลายในไขมัน

คุณสมบัติของกระชาย
- ช่วยบำรุงเส้นเอ็นให้แข็งแรง  กระดูกไม่เปราะบาง
- ช่วยบำรุงตับ ไตให้แข็งแรง  ดูแลระบบมดลูก  รังไข่  กระเพาะปัสสาวะ
- ช่วยฟื้นฟูต่อมไร้ท่อต่างๆ  เช่น  ต่อมไธรอยด์  ต่อมใต้สมอง  ต่อมหมวกไต และตับอ่อน เป็นต้น
- ช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนเพศหญิง  คือ  แอสโตรเจอนและฮอร์โมนเพศชาย  คือ  เทสโทสเตอโรน  ซึ่งมีอยู่ในร่างกายของทุกๆ คน  ไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิง  ถ้าผู้หญิงมีฮอร์โมนเพศหญิงในตัวมากเกินไปก็อาจจะเป็นมะเร็งเต้านม  หรือมีน้อยไปก็อาจเป็นมะเร็งปากมดลูก
- ช่วยบำรุงสมอง  ช่วยให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงสมองส่วนกลางดีขึ้น  ถ้ากินคู่กับใบบัวบก  จะบำรุงสมองได้โดยตรง  ต้องกินเป็นประจำเพื่อป้องกันความจำเสื่อม
- ปรับความดันโลหิตให้พอดี  ไม่ให้สูงมากหรือต่ำมากเกินไป
- ช่วยขับน้ำคาวปลา  สตรีหลังคลอดบุตร

วันพุธที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

     สาเหตุอาจเกดมาจากเลือดไม่ไปเลี้ยงสมอง  เพราะกินอาการผัดน้ำมันเป็นประจำติดต่อกันหลายปี  น้ำมันจะเกาะผนังลำใส้ทำให้ดูดซึมอาหารที่เป็นประโยชน์ไม่ได้ซึ่งเป็นสาเหตุให้สมองเสื่อมเร็ว


วิธีการดูแลสมอง
    1. พยายามขับถ่ายระหว่างเวลา  05.00-07.00 น.
    2. กินอาหารเช้าระหว่าง  07.00-09.00 น.  เพื่อให้เลือดรับสารอาหารไปเลี้ยงสมอง
    3. ใช้กระเจี๊ยบแดงแห้งหรือสด  ต้มกับพุทราจีน  ใช้ดื่มน้ำ  เพื่อล้างไขมันในหลอดเลือด
    4. กินน้ำกระชาย  แล้วกินน้ำใบบัวบกตาม  จะส่งไปบำรุงสมองได้โดยตรง  และผลไม้  ลูกไข่เน่า  คึ่นฉ่าย  เม็ดบัว  ลูกแปะก้วย  ซึ่งเป็นผลไม้ที่บำรุงสมองได้ดีเป็นอย่างมาก
    5. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำ
ประโยชน์ของน้ำใบบัวบก
     - ยับยั้งเซลล์มะเร็ง
     - บรรเทาอาการปวดศีรษะ
     - ขับปัสสาวะ
     - ดับกระหาย  แก้ร้อนใน

สิ่งที่ต้องเตรียม
     ใบบัวบก     1  ถ้วย
     น้ำเชื่อม     1  ช้อนโต๊ะ
     น้ำต้มสุก    2  แก้ว
     น้ำแข็ง       1  แก้ว

ขั้นตอนและวิธีการทำ
     นำใบบัวบกไปล้างให้สะอาดหลายๆน้ำ  เด็ดเอาแต่ใบลงใส่เครื่องปั่น  เติมน้ำต้มสุก
     ปั่นเสร็จแล้วกรองเอาแต่น้ำ   หลังจากนั้นนำน้ำใบบัวบกที่ได้ผสมกับน้ำเชื่อม  คนให้เข้ากัน  นำน้ำแข็งและน้ำใบบัวบกที่ได้จากการกรองเทใส่ลงไปในเครื่องปั่น   เป็นอันเสร็จขั้นตอน  หรือจะนำน้ำไปแช่เย็นไว้ดื่มแก้ดับกระหาย

วันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2556


น้ำว่านหางจระเข้
มีสรรพคุณมากมาย อธิเช่น  บรรเทาอาการจากกระเพาะอาหารอักเสบ  เป็นยาระบาย  แก้วปวดศีรษะ


สิ่งทีต้องเตรียม
  ใบว่านหางจระเข้     1/2  ใบ
  น้ำต้มสุก                 1-2  แก้ว
  น้ำผึ้ง                      1-2  ช้อนโต๊ะ


ขั้นตอนและวิธีการทำ
     เฉือนเปลือกออกให้หมด  ล้างน้ำให้สะอาดหลายๆน้ำให้หมดยาง  เอาแต่วุ้นใส่เครื่องปั่นกับน้ำต้มสุก
     ปั่นเสร็จแลวกรองเอาแต่น้ำว่านหางจระเข้  เติมน้ำผึ้ง  คนให้เข้ากัน  เทใส่แก้วน้ำหรือแช่ในตู้เย็นก่นอก็ได้  หรือจะนำไปปั่นพร้อมน้ำแข็งเลยก็ได้   

แต่ควรดื่มให้หมดภายใน  1 วันนะครับ

ชื่อวิทยาศาสตร์ :   Moringa oleifera  Lam.
ชื่อสามัญ :  Horse radish tree, Drumstick
วงศ์ :   Moringaceae

สรรพคุณ :  ใบมะรุมมีสรรพคุณ  คือ  มีฤทธิ์ในกาฆ่าเชื้อราและแบคทีเรียโดยการกินใบมะรุมเพื่อฆ่าเชื้อราในลำใส้  ต้านเบาหวาน  เพราะทำให้ตับอ่อนแข็งแรง  โดยใช้ใบขนาดกลาง  ไม่อ่อน  ไม่แก่  มาประกอบอาหาร  ใช้ลวกจิ้มน้ำพริก  มีสรรพคุณที่ดี  มีวิตามินเอ  ช่วยบำรุงสายตา  และมีวิตามินซีช่วยป้องกันหวัง  เสริมภูมิต้านทาน  มีแคลเซียม  ช่วยเรื่องกระดูก  โพแทสเซียมช่วยเรื่องบำรุงสมองและมีโปรตีนสูง  ถ้าใครมีโพแทสเซียมสูงอยู่แล้วไม่ควรกินใบมะรุม.

มะรุมสามารถนำไปประกอบอาหารได้หลายอย่างเช่น  นำไปลวกเพื่อจิ้มกับน้ำพริก   นำไปทำเป็นแกงส้ม  และอื่นๆ ที่สามารถนำไปประกอบอาหารได้
ดอกมะรุม  กินเพื่อบำรุงปอด  บำรุงเพศให้ทำเป็นชา  ดอกมะรุมหรือใส่ในแกงส้มด้วยก็ได้
เมล็ดมะรุม  เเกะเปลือกหุ้มเมล็ดที่มีผวิแข็ง  ออกไป  กินเฉพาะเมล็ดชั้นในสุด สีขาวอมเหลืองนิดๆ
เมล็ดมะรุมแก่  นำมาตำให้ละเอียดใช้พอกแผลจะช่วยให้แผลแห้งและแผลหายเร็วขึ้น

วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ความสำคัญของอาหารมื้อเช้า

      การไม่กินอาหารเช้า  เป็นเหตุพื้นฐานที่ทำให้เกิดการเจ็บป่วยที่เรามองข้ามไป  คืดว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่เคยปฏิบัติอยู่เป็นประจำไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย
       อาหารมื้อเช้า  เป็นอาหารมื้อที่สำคัญที่สุด ที่ร่างกายต้องการสารอาหารในช่วงเวลา  7.00-9.00 น.  ระหว่างเวลานี้สมองและใบหน้าของคนเราต้องการเลือดและออกซิเจน  เป็นอาหารบำรุงส่งไปเลี้ยงสมอง  ถ้าไม่กินข้าวเช้า  ก็จะไม่มีเลือดมารับออกซิเจน  ส่งขึ้นไปเลี้ยงสมอง  เพราะสมอง
ต้องการกรดอะมิโนไปบำรุงเซลล์สมอง  รวมถึง วิตามินบี 1  บี 6  และบี  12
สาเหตุที่เลือดไปเลี้ยงสมองได้น้อย
      - กระดูกคอข้อที่หนึ่งเคลื่อนไปเบียดทับเส้นประสาท  หรือเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง
      - กินอาหารที่ผัดน้ำมันบ่อยเป็นเวลานาน  แล้วเกิดไขมันเกาะตัวเหนียวสะสมในลำไส้ ก็มีโอกาสที่เลือดไปเลี้ยงสมองได้น้อย เพราะระบบดูดซึมเสีย  และถุงน้ำดีข้น
      - มีพยาธิในลำไส้หรือพยาธิที่ผวหนังก็จะกัดกินเลือดในร่างกาย
      - การไม่กินอาหารเช้าก็เป็นสาเหตุให้เลือดไม่เลี้ยงสมองถ้าเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ  หรือเลือดไปเลี้ยงสมองได้ย  จะเริ่มมีอาการดังต่อไปนี้  เช่น  ผมร่วง  หน้าแก่เร็วย  คออักเสบง่าย  นอนไม่ค่อยหลับ  นอนไม่เต็มอิ่ม  ฝันบ่อย  ปวดไหล่  ตื่นกลางดึกบ่อยๆ ปวดหัวข้างเดียว  ปวดหัวสองข้าง ปวดหู ปวดกระบอกตา เป็นไซนัส  เหงือกบวม เจ็บคอ เจ็บลิ้น  ปวดชายโครง ปวดหลัง ปวดเข่า กระดูกสะโพกจะเคลื่อนได้ง่าย ปวดสะโพก ปวดข้อเท้า หลังเท้า วิตกกังวล
**อาจมีอาการทีละอย่าง หรือหลายอย่างพร้อมกัน**

"สมองส่วนหน้า  สมองส่วนกลาง  สมองส่วนหลัง  อยู่กันคนละส่วน  แต่มีเซลล์ประสาทกลุ่มเดียวที่ควบคุมการไหลเวียนของเลือดทั้งสามส่วน"



เลือดไปเลี้ยงสมองส่วนหน้าได้น้อย
      วันข้างหน้าก็จะมีหินปูนเกาะที่สมองส่วนหน้า  แล้วจะมีอาการนอนไม่ค่อยหลับ  เป็นเหตุให้  ตาเป็นต้อ จอประสาทตาเริ่มเสื่อมปัสสาวะบ่อย  หน้าเป็นฝ้า  หน้าดำ

เลือดไปเลี้ยงสมองส่วนกลางได้น้อย
      จะมีอาการ  ง่วงนอนบ่อย หรือง่วงนอนทั้งวัน  ปวดเมือยเนื้อตัว  ปวดส้นเท้า  ขี้โมโห  ท้องอืด  อาหารไม่ย่อย  ต่อไปวันข้างหน้าความจำจะเสื่อม  เริ่มจำไม่ค่อยได้  แต่ความจำระยะยาว  คือเรื่องเก่าๆๆยังจำได้   ส่วนความจำระยะสั้น  คือเรื่องใหม่ๆในปัจจุบันจะจำไม่ค่อยได้ หลงๆ ลืมๆ พูดวนไปวนมา  ความจำจะเสื่อมลงไปเรื่อยๆ

เลือดไปเลี้ยงสมองส่วนหลังได้น้อย
      จะมีอาการ  แขนขาไม่ค่อยมีแรง  เดินไม่ค่อยไหว  ตอนตื่นนอนบางครั้ง  จะมีอาการแขนขาตายเหมือนผีอำ  ขยับตัวไม่ค่อยได้
     ใบหน้าที่มีริ้วรอยหมองคล้ำ  หรือมีสิวฝ้าบ่อยๆ  ควรที่จะหมั่นขัดหน้าทุกเดือนเพื่อให้ผิวสะอาด  หมดความมันและขาวผุดผ่อง


ของที่ต้องเตรียม
     โยเกิร์ตไม่ผสมผลไม้      1  ถ้วย
     เกลือป่น                          1  ช้อนโต๊ะ


ขั้นตอนการปฏิบัติ
      ล้างใบหน้าให้สะอาด  ซับหน้าให้แห้ง   ผสมเกลือป่นกับโยเกิร์ต  คนๆ ให้เข้ากัน  ใช้ปลายน้ำแตะครีมมาทาชโลมให้ทั่วใบหน้า  เว้นรอบดวงตาและริมฝีปาก  แล้วใช้มือ  ขัดๆ  ถูๆ  ให้ทั่วใบหน้า  โดยเฉพาะหน้าผาก  คางแก้ม  และจมูก
      ขัดสัก  5  นาที  แล้วทิ้งไว้อีก  5  นาที  จึงค่อยล้างออก  ทำทุกเดือน  เดือนละครั้ง  ผิวหน้าจะขาวผ่องและดูชุ่มชื้น

     ผิวหน้าจะเปล่งปลั่งเต่งตึง  ไม่ต้องไปเสียสตางค์  ดึงหน้าให้เสี่ยงต่อใบหน้าพังจนต้องฟ้องร้องให้อับอายเขา  ใช้สูตรสาวไทยโบราณ  ที่แม้ฝรั่งยังโจษจันว่าผิวหญิงไทยช่างผุดผ่องเปล่งปลั่ง



ของที่ต้องเตรียม
     ดินสอพอง        1  ถ้วยน้ำจิ้ม
     มะนาว               1  ซีก


วิธีการปฏิบัติ
      บีบน้ำมะนาวละลายกับดินสอพอง  เคล้าให้ดินสอพองเข้ากันดีกับน้ำมะนาว  แล้วนำมาทาให้ทั่วใบหน้า เหลือเว้นไว้แค่เพียงตรงดวงตา  และริมฝีปาก
      ชโลมทิ้งไว้สัก  3-4 ชั่วโมง  จึงค่อยล้างน้ำออก  ทำเดือนละ  2-3  ครั้ง  ใบหน้าจะเต่งตึง  เกลี้ยงเกลา  ปราศจากสิวฝ้า ริวรอยและจุดด่างดำ


*บางคนอาจจะแพ้ดินสอบพองหรือน้ำมะนาว

วันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2556

   
      เชื่อว่าหลายคนคงประสบปัญหาเหมือนๆกัน คือ รังแคบนหนังศีรษะ  และเส้นผมหลุดร่วงง่าย  ทำให้หลายต่อหลายคนเกิดวิตกกังวลเป็นอย่างมาก  วันนี้เราจะมาแก้ปัญหาเหล่านี้กันโดยใช้มะกรูด และการสระผมอย่างถูกวิธีกัน

วิธีการรักษา

     ใช้มะกรูดประมาณ  4-5 ผล  นำไปย่างไฟอ่อนๆ  แล้วผ่าครึ่งคั้นเอาแต่น้ำใส่ถ้วยไว้
จากนั้นสระผมให้สะอาดด้วยแชมพูสำหรับเด็กหรือแชมพูสูตรอ่อนๆ ที่สระได้ทุกวัน  เวลาสระอย่าใช้เล็บเกาหนังศีรษะเป็นอันขาด

     ซับผมให้หมาดด้วยผ้าขนหนู  แล้วค่อยชโลมน้ำมะกรูดให้ทั่วๆ เส้นผม  นำผลมะกรูดผ่าครึ่งที่เหลือสัก  1-2  ซีกมาถูให้ทั่วหนังศีรษาปล่อยทิ้งไว้สัก 10 นาที  จึงค่อยล้างออกให้สะอาดโดยไม่ต้องสระผมซ้ำ
      ทำเช่นนี้ทุกๆ สัปดาห์  หนังศีรษะจะสะอาด  เส้นผมก็จะแข็งแรงไม่หลุดร่วงง่าย  และไม่หงอกเร็วอีกด้วย

วันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2556


น้ำแตกกวาปั่น

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cucumis sativus Linn.
ชื่อสามัญ : Cucumber
แหล่งปลูก : แตงกวาปลูกได้ทั่วทุกภาคของประเทศไทย
ปรโยชน์สรรพคุณ : แก้อาการเจ็บคอ แก้อาการท้องผูก บรรเทาอาการแสบเคืองตา ป้องกันสิว ผิวหน้าสดใส ผิวหน้าผุดผ่อง บำรุงผิว

สิ่งที่ต้องเตรียม
     แตงกวา                1  ผล
     น้ำผึ้ง                    1  ช้อนชา
     น้ำมะนาว              1  ช้อนชา
     เกลือ                  1/2  ช้อนชา
     น้ำต้มสุก 1/2  แก้ว
      น้ำแข็งบน          1/2  แก้ว

ขั้นตอนและวิธีทำ
น้ำแตกกวาไปล้างให้สะอาด หั่นเป็นแว่นๆ และนำลงใส่ในเครื่องปั่น ไม่ต้องปอกเปลือกนะครับ จากนั้นเติมน้ำที่ต้มสุกแล้ว  น้ำผึ้ง น้ำมะนาว เกลือ  และน้ำแข็งบด  และปั่นให้ละเอียด นำใส่แก้วพร้อมรับประทาน
น้ำเสาวรส


ชื่อวิทยาศาสตร์ :  Passiflora laurifolia  L.
ชื่อสามัญ :  Jamaica honey-suckle, Passion fruit, Yellow granadilla
วงศ์ :  Passifloraceae
ชื่ออื่น : สุคนธรส (ภาคกลาง)
ประโยชน์สรรพคุณ : บำรุงผิว ต้านมะเร็ง ลดไขมันในเส้นเลือด

สิ่งที่ต้องเตรียม
    เสาวรสสุก                 1-2   ผล
    น้ำเชื่อม                        2   ช้อนโต๊ะ
    เกลือ                             1   ช้อนชา
    น้ำต้มสุก                    1-2   แก้ว
    น้ำแข็งบด                   1/2  แก้ว

ขั้นตอนและวิธีทำ
     ล้างเสาวรสให้สะอาดแล้วผ่าครึ่งผล   นำช้อนตักเอาเฉพาะส่วนเนื้อด้านในของเสาวรสมาคั่น  หรือว่าขยำกับน้ำต้มสุก  จากนั้นนำมากรอง  นำน้ำเสาวรสที่ได้จากการกรองมาผสมกับน้ำเชื่อม เกลือ และน้ำแข็งบด  เป็นอันเสร็จ

วันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2556

อาหารผัดน้ำมัน
...............................................................................
      ดูจากก้นกระทะและรอบๆ เตาแก๊ส หรือท่อน้ำทิ้งที่ล้างจานจะมีคราบเหนียวของน้ำมันเกาะอยู่  เราก็ล้างมันออกได้  แล้วถ้ากินอาหารผัดน้ำมันเป็นประจำ น้ำมันที่เข้าไปโดนอุณหภูมิของร่างกายที่  37 องศาตลอดเวลา  น้ำมันจะเหนียวเป็นกาวยึดเกาะที่ผนังลำใส้เป็นเวลานานเข้า  ก็จะหนาตัวขึ้นไปขวางระบบดูดซึม  ระบบดูดซึมของร่างกายจะเสีย แล้วเราจะส่งอะไรเข้าไปล้างมันได้


ระบบดูดซึมเสีย
     เมื่อระบบดูดซึมเสีย  สำใส้จะดูดซึมสารอาหารที่เป็นประโยชน์ไปสร้างเม็ดเลือดไม่ได้  กินยา หรือวิตามินก็ไม่ดูซึม  เพราะผ่านชั้นไขมันที่ผนังลำไส้ไปไม่ได้  หรือผ่านไปได้น้อย  ต่างกับการให้น้ำเกลือโดยการฉีดเข้าเส้นเลือด  โดยไม่ต้องผ่านระบบดูดซึม  แต่ใครจะให้น้ำเกลือได้ทุกวัน   คงไม่มี
     เมื่อระบบดูดซึมไม่ได้  พวกสารอาหาร  และโปรตีน  จะถูกส่งไปให้ไตขับทิ้ง  ไตก็ต้องทำงานหนัก  และอ่อนล้าเป็นธรรมดา  ผลที่ตามมา  คือความเจ็บป่วย  การเกิดโรคต่างๆ
     ทุกคนที่เคยกินอาหารผัดน้ำมัน  หรือของที่ทอดน้ำมันบ่อยๆหรือทุกวัน  ควรจะต้องล้างลำไส้เพื่อให้ระบบดูดซึมทำงานได้ดีขึ้น
Share